ชี้เป้าร้านขายส่ง ทำขอคืนภาษีได้ด้วย ของถูกกว่าไปสำรวจแล้วขนม/ของเยอะมาก….
ตามแผนที่ไปเลยจ้า
(Takagi Sanjō Store
35−1 Mibuamagaikechō, Nakagyō-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 604-8874, Japan
+81 75-822-1112)
ชี้เป้าร้านขายส่ง ทำขอคืนภาษีได้ด้วย ของถูกกว่าไปสำรวจแล้วขนม/ของเยอะมาก….
ตามแผนที่ไปเลยจ้า
(Takagi Sanjō Store
35−1 Mibuamagaikechō, Nakagyō-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 604-8874, Japan
+81 75-822-1112)
สำหรับวัคซีนที่ใช้ในนักท่องเที่ยวนั้น สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆคือ
1. วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง (Required vaccine) เป็นวัคซีนที่ถูกกำหนดว่านักเดินทางจำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง ซึ่งเป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) ซึ่งปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง นักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปยังดินแดนที่มีการระบาดของไข้เหลือง คือประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริการใต้ จำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนไข้เหลืองได้ที่บทความต่อไปนี้
2. วัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม (Recommended vaccine for travelers) วัคซีนในกลุ่มนี้ เป็นวัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางบางกลุ่ม/บางคน ตามความเหมาะสม โดยแพทย์จะพิจารณาปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกันเช่น ประเทศหรือสถานที่ที่จะไปมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากแค่ไหน ระยะเวลาที่จะไป กิจกรรมที่จะไปทำ (เช่นไปทำงาน ไปเรียน หรือไปท่องเที่ยว) ตลอดจนต้องพิจารณาถึงตัวนักท่องเที่ยว/นักเดินทางและตัวโรคด้วย การพิจารณาดังกล่าวจะทำในการให้คำปรึกษาก่อนการเดินทาง วัคซีนในกลุ่มดังกล่าวคือ
- นักเดินทางที่จะไปในทวีปแอฟริกา บริเวณที่เรียกว่า Meninigitis belt เช่นประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย ฯลฯ
- นักเรียน,นักศึกษาไทยที่จะไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ก่อนไป โดยเฉพาะถ้าต้องไปอยู่ในหอพัก
- ผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประเทศซาอุดิอาระเบียกำหนดไว้ว่าทุกคนที่เข้าไปแสวงบุญจำเป็นต้องฉีดวัคซีนนี้ก่อนไป
อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine)
1 แบตเตอรี่
ปัญหาที่เกิดกับแบตเตอรี่ ที่ต้องเจอก็คืออาการแบตไหล ซึ่งเกิดมาจากว่าตัวแบตเตอรี่เนี่ยจะต้องมีหน้าที่สร้างความร้อน เพื่อให้กล้องสามารถทำงานได้ราบรื่นเมื่อต้องคอยต่อสู้ความเย็นเนี่ยแบตจะหมดเร็ว ครึ่งต่อครึ่งทีเดียว เทคนิคที่พอจะช่วยรักษาแบบเตอรี่ได้
+ เก็บแบตไว้ในที่อุ่น เช่น กระเป๋าภายในเสื้อโค๊ท หรือ ในกระเป๋ากล้องอุปกรณ์ เราอาจวางแผ่นความร้อนไว้ใกล้ๆกับแบต
+ หาอุปกรณ์ หรือวัสดุหุ้มบริเวณที่บรรจุแบตบนตัวกล้อง
+ หยิบกล้องออกมาเมื่อพร้อมที่จะถ่ายภาพแล้วเท่านั้น เมื่อถ่ายเสร็จให้เก็บเข้ากระเป๋า เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิกล้องให้มากที่สุด
+ พกแบตเตอรี่สำรอง เป็นสองเท่าของการใช้ปกติ
+ เคยมีบางคำแนะนำให้เก็บกล้องไว้ใต้เสื้อโค๊ท แต่ส่วนตัวจะบอกว่าวิธีนี้เสี่ยง เพราะภายใต้เสื้อโค๊ท นอกจากจะอุ่น ความชื้นจากตัวเราก็สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นอาจทำให้กล้องเสียหายจากความชื้น ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายกว่าแบตหมดเป็นอย่างมาก เราจึงแนะนำให้มีกระเป๋าอุปกรณ์ที่รักษาอุณหภูมิได้ แล้วใส่แผ่นความร้อนไว้สร้างความอุ่นให้เพียงพอ
ในส่วนของแบตเตอรี่นี้ เมื่อเรากลับมาสู่ในสภาพอุณหภูมิปกติ ประสิทธิภาพก็จะกลับมาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
2 ความชื้น
ข้อนี้แหละค่ะ เป็นสิ่งที่ต้องเป็นห่วงมากที่สุด.. เพราะถ้าพลาดมันจะทำให้ทั้งตัวกล้องและเลนส์เสียหายถาวรได้เลยทีเดียว ความชื้นที่เราต้องระวัง ไม่ใช่ตอนที่เราออกไปผจญอุณหภูมิติดลบ แต่เป็นตอนที่เราต้องพาอุปกรณ์กลับเข้าสู่ภายในอาคารที่มีทั้งเครื่องทำความร้อน เครื่องเพิ่มความชื้น ส่วนใหญ่อากาศติดลบ จะเย็นและแห้ง จึงทำให้ผู้คนที่อาศัยในภูมิอากาศแบบนี้จะมีเครื่องสร้างความชื้นไว้ภายในอาคารเพื่อช่วยให้อากาศไม่แห้งจนเกินไป ดังนั้นเมื่อกล้องเย็นๆ กลับเข้ามาเจออากาศอุ่นๆ ชื้นๆ จะกล้องกันน้ำรุ่นไหน ก็ป้องกันการกระบวนการกลั่นตัวเมื่อเย็นกระทบร้อนไม่ได้ และ น้ำที่เกิดจากการกลั่นตัวจะสามารถแทรกเข้าไปอยู่ในทุกอณูของกล้องและเลนส์ได้ คำแนะนำที่ช่างภาพใช้กันมาก็คือ
มีวิธีป้องกันอยู่ 2-3 วิธี
+ พยายาม ดูดความชื้นออกจากกล้อง ให้มากที่สุด ก่อนที่จะเอากล้องไปใน สภาพอากาศอุณหภูมิติดลบ
+ เมื่อต้องการนำกล้อง กลับเข้ามา ใน อาคาร หรือในที่ที่มีอุณหภูมิอุ่น ให้ถอดเมมโมรี่การ์ด แบตเตอรี่ แล้วใช้ผ้าห่อทั้งเมมโมรี่การ์ดและกล้อง เราอาจจะถอด แยกระหว่าง Body กับเลนส์ แล้วเอาผ้าห่อ ในส่วนของ Body นั้นให้คว่ำหน้าลง เพื่อปล่อยให้น้ำลงมาที่ผ้าที่หุ้มไว้ ข้อควรระวังคืออย่าไปวางใกล้ฮีตเตอร์ เพราะจะทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและนั่นไม่ดีต่อกล้อง เพื่อให้ผ้าได้ซับเหงื่อ ที่จะเกิดขึ้นจากการนำ อุปกรณ์เข้ามากระทบกับอากาศอุ่นภายในอาคาร
ปล่อยอุปกรณ์ไว้จนกว่า อุปกรณ์ของคุณ จะปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับเดียวกับอุณหภูมิห้อง เมื่อปรับอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว เช็คให้มั่นใจว่าอุปกรณ์แห้งดีแล้วจึงเก็บ อุปกรณ์ใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันต่อไป และให้มั่นใจว่าใส่สารดูดความชื้นไว้กับกระเป๋าอุปกรณ์เสมอ ที่สำคัญ กระเป๋ากล้องก็ต้องอยู่ในสภาพแห้งดีเช่นกัน
เหตุการณ์แบบนี้ป้องกันได้ด้วยการ ใช้ผ้า อาจจะเป็นผ้าพันคอ หรือ ปลอกคอที่เขานิยมใช้ในพื้นที่อากาศแบบนี้ ปิดบริเวณปากกับจมูกไว้ แล้วไอน้ำทั้งหมดที่คุณหายใจ จะขึ้นไปเกาะเป็นน้ำแข็งอยู่ที่ขนตาแทน 😁😁อย่างไรก็ตามอุปกรณ์อีกอย่างที่สามารถช่วยคุณได้ก็คือฝาเลนส์ปิดเข้าไว้เวลาที่ไม่ได้ใช้
3 ช่างภาพ
เมื่อปกป้องกล้องทุกอย่างแล้ว เราก็คงไม่ได้ภาพสวย ถ้าช่างภาพจะทนอากาศหนาวไม่ไหว ดังนั้นก็อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กันหนาวสำหรับตัวเองให้พร้อม เพื่อที่ เราจะได้สามารถลุยอยู่ในอากาศหนาวนานพอที่จะเก็บภาพสวยๆได้
เกร็ดเล็กน้อยอีกเรื่องคือ การตั้งค่ากล้อง เราไม่ได้จะมาสอนวิธีการตั้งค่ากล้องแต่จะเตือน ให้นึกถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การถ่ายภาพใน ที่ที่มีหิมะหรือเป็นน้ำแข็งสิ่งที่แตกต่างคือส่วนใหญ่ของภาพจะเป็นสีขาว ซึ่ง ทำให้การปรับภาพในแบบปกติ ไม่ตอบโจทย์ ข้อแนะนำคือ เราจำเป็นต้องเพิ่ม ให้ภาพ Over 1-2 Stop เพื่อให้บริเวณที่เป็นหิมะนั้นยังคงเป็นสีขาว ไม่กลายเป็นสีเทา ดังค่าปกติที่กล้องได้ตั้งไว้ หรือในกล้องบางยี่ห้อ ก็จะมี ฟังก์ชั่น เรียกว่าการถ่ายภาพแบบ High Key ซึ่งก็ต้องศึกษา เทคนิคของกล้องแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น สุดท้ายนี้อย่าลืม การถ่ายรูปในบริเวณที่เป็นหิมะปกคลุม แสงสะท้อนจากหิมะสีขาวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกทาง ดังนั้น ฮูดเลนส์ จะช่วย ป้องกัน ภาพเสียหายจาก แสงสะท้อน ได้ และยังป้องกัน ไม่ให้หิมะเกาะลงบนหน้าเลนส์โดยตรงได้อีกด้วย
เมื่อเตรียมตัวพร้อม เราก็ออกไปสนุกกับการถ่ายในฤดูหนาวสุดขั้ว ได้อย่างสะใจ
การที่จะเลือกซื้อมาใช้นั้น บางทีก็ต้องดูลักษณะทริปที่เราไป สถานที่ที่เราไป ไลฟ์สไตล์ของเรา นำไปประกอบการพิจารณาด้วยนะครับ
NOTJUSTNUT
บรรยากาสบนทะเลสาบน้ำแข็งไบคาล
CRภาพและเนื้อหา : Wonder-Wander Fanpage
จะไปลุยหิมะ ปะทะลมหนาว ปัญหาใหญ่อย่างแรกคือ ต้องใส่อะไรยังไง เสื้อกันหนาวแล้ว ใครๆก็บอกไม่พอ ต้องมีตัวใน ต้องเป็นแบบนั้น ต้องเป็นยี่ห้อนี้ ส่วนตัวจะไม่มาเขียนเชียร์ยี่ห้อไหน แต่ถามว่าชอบของฝั่งไหนก็ตอบตรงๆ ว่าชอบของทางยุโรปมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ สบายของแต่ละคนมีนิยามต่างกัน
ลองจอห์น ฮีทเทค เทอมอล ล้วนแล้วแต่เป็นคำศัพท์ที่เรียกแตกต่างกันไปแต่ละพื้นที่ แต่ละค่าย แต่สุดท้าย สรุปทั้งหมดก็คือ… ชั้นในที่ใส่เพื่อรักษาความร้อนของร่างกาย ไม่ให้หลุดออกมา สลายไปกับอากาศเย็นที่อยู่ภายนอก ซึ่งมีทั้งเสื้อและกางเกง ซึ่งแต่ละค่าย แต่ละแบรนด์ต่างก็มีเทคโนโลยีของตัวเองที่พัฒนาขึ้น มีสไตล์ที่ต่างกันไป จากนั้นก็ใส่ เสื้อกางเกง ปกติ ตามแฟชั่นที่แต่ละคนชอบใส่ทับอีกชั้นนึง
สมัยที่ต้องผจญกับอุณหภูมิ 0 องศา ส่วนตัวใส่แค่ส่วนที่เป็นกางเกง เพราะว่าเสื้อ เราสามารถใส่โค๊ทกันหนาว ใส่เข้า ถอดออกง่ายๆ เวลาเข้าภายในอาคาร อุณหภูมิภายในก็จะถูกรักษาไว้ที่ 20 องศานิดๆ เวลาออกนอกตัวอาคารก็ต้องกลับออกมาเจอกับอากาศที่ต่างกันมากกว่า 20 องศา ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องใส่ๆ ถอดๆเจ้าตัวโค๊ทข้างนอก ความที่ส่วนตัวไม่ใช่คนแฟชั่นจ๋า ก็จะเลือกใช้เป็นโค๊ทยาว Over-coat เพื่อความสะดวกนั่นเอง เพราะหากเป็นตัวสั้น เราก็จะต้องหาบู๊ท หรือถุงเท้ายาวใส่อีกชั้นเพื่อความอุ่น แต่โค๊ทยาว กับกางเกงตัวในที่รักษาความอุ่นแล้วตามด้วยยีนส์ทับข้างบน เพียงเท่านี้ก็จบ สามารถอยู่ได้สบาย ไปไหนมาไหนก็สะดวก หยิบตัวเดียวแล้วออกได้เลย
การเลือกส่วนผสมของวัสดุที่นำมาทำ ก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดถึงคุณภาพ ดังนั้นทุกครั้งที่เราเลือกก็ต้องอ่านป้ายดูว่าใช้วัสดุอะไรกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ว่ากันว่า วัสดุที่ดีที่สุด อุ่นที่สุด ก็คือ Wool แต่…ข้อเสียคือดูแลรักษายาก และมีราคาสูงปรี๊ด…..นั่นเอง
อีกประการที่ส่งผลต่อการใช้ประโยชน์จริงๆคือ ดีไซน์ เสื้อกับกางเกงรักษาอุณหภูมิที่ดี ต้องมีขนาดพอดีตัว หรือหยืดหยุ่นให้เข้ากับรูปร่างได้ดีที่สุด เนื่องจากว่า ช่องว่างระหว่างผิวกับเนื้อผ้า นั้นจะทำให้เราสูญเสียความร้อนของร่างกายไปเมื่อเราขยับ แต่ถ้าไม่ได้ไปในที่ๆ อุณหภูมิติดลบ ก็อาจจะไม่มีผลมากจนทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่าง แต่ถ้าเป็นคนขี้หนาว ก็คงต้องไม่มองข้ามข้อนี้ไป
ในไทยเองตอนนี้ หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า “ฮีทเทค” มากกว่าอย่างอื่น เพราะเทรนด์กำลังมา การตลาดกำลังแรง… ราคาคุ้นตา จนไม่รู้สึกว่าแพงเกินไป แต่ส่วนตัวถ้าไปหนาวๆจัดๆ ยังคงเลือกเทอมอล เพราะรู้สึกว่าหนุ่มสบาย และรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ดีกว่า เพียงแต่ปัญหาหลักของยี่ห้อที่ชอบก็คือ เป็นไซส์ยุโรป คนตัวเล็กจึงเลิกคิดไปได้เลย ส่วนตัวสูง 165 ใช้กางเกงไซส์เล็กสุดยังมีความยาวเหลืออีกเป็นคืบทีเดียว แต่ก็ยอมนะ เพราะความนุ่ม บางทีไม่ได้ใส่ เอามากอดก็ยังดี มันนุ่มและสบายมาก
หนากว่า อุ่นกว่า หรือ หน้าตาเหมือนกัน มันก็เหมือนๆกัน ข้อนี้ต้องระวังให้ดี มันไม่จริงงงงง (งูล้านตัว) เพราะส่วนมาก เจ้าเทอมอล ฮีทเทคนี้ จะมีหน้าตาคล้ายๆกัน จะต่างกันก็ที่สัมผัสเนื้อผ้าความหนา ก็แตกต่างกันไปแต่ละยี่ห้อ ส่วนมากเป็นผ้าสีพื้น ไม่ค่อยมีลาย บางทีจับแล้วเหมือนกันทุกอย่าง แต่….ใส่แล้วบางรุ่น ที่บางคนใส่แล้วบอกว่าไม่อุ่น หรือใส่ไปสักพักรู้สึกอึดอัดทั้งๆที่ไซส์พอดีแล้ว นั่นก็เพราะว่าเลือก ระดับไปไม่เหมาะสม ซึ่งเท่าที่เห็นแต่ละแบรนด์จะแบ่งอยู่ประมาณ 3-4 ระดับ อย่างถ้าไปสัก 0 องศา ส่วนตัวจะใช้ระดับ 1 ถ้าติดลบ ก็ไล่ระดับ 2 3… ขึ้นไปสำหรับช่วงต่างทุก 10 องศา หรือสำหรับคนขี้หนาวก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับนึง
ทีนี้ก็พอจะเข้าใจกันแล้ว ว่าควรเลือกยังไง แต่ถ้าใครยังมีข้อสงสัย ก็ทิ้งคำถามกันไว้ได้ ส่วนเรื่องยี่ห้อขอเป็นหลังไมค์ เพราะยังหาสปอนเซอร์ไม่ได้ 555….. อ๊ะล้อเล่น จริงๆก็คือคิดว่าแต่ละคนคงมีโจทย์ต่างกัน การเลือกก็จะมีความเหมาะสมต่างกันไป ถ้าบอกไปว่าชอบอะไรในนี้ แล้วไปลองกันจริงๆเกิดไม่ชอบขึ้นมาจะไม่ถูกใจเอา
หน้าหนาวนี้ ก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะคะ
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต เรื่องราว Numtarn Style Page Numtarn Style
ได้รับกันอยู่บ่อยๆนะคะ เมลหลวง เมลหลอก หลอกให้คลิ๊ก ให้ตกใจ คิดว่าแอคเค้าท์ สำคัญๆ เช่น PayPal ธนาคาร หรือร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ประจำมีการหักเงินเราไปเท่านั้นเท่านี้ วันนี้เลยจะมาชี้ให้ดูจุดสังเกตุค่ะ
สุดท้าย ถ้ากลัวว่าจะเป็นเมลจริง ให้ไปล๊อกอินบนหน้าอินเตอเน็ตเบราซ์เซอร์ปกติ ด้วยวิธีการที่เคยใช้ อย่ากดตามลิ้งค์ในเมลเข้าไปเด็ดขาด
เพื่อความคมชัดคลิ๊ก HD นะคะ
เรื่องราวและคลิปโดย www.Numtarnstyle.com Fanpage : Numtarn Style
บางครั้งคนไทยเราพอได้เห็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติแบบนี้ก็จะเข้าใจผิด ไปผูกเรื่องกับความเชื่อ กลายเป็นว่า โลกนี้ได้เกิดพระอาทิตย์สี่ดวงขึ้นแล้ว แต่จริงๆแล้ว ปรากฏการณ์นี้ใน ภาษาสวีดิชจะเรียกว่า Halofenomen (ฮาโลฟีนอมเม็น) หรือภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Halo phenomena หรือเรียกสั้นๆ ว่า Halo ซึ่งสำหรับไทยก็คือ “พระอาทิตย์ทรงกลด” นั่นเอง
เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่มักจะเกิดขึ้นในวันที่มีเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ลอยปลิวกระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) มันจึงทำให้แสงที่มาจากดวงอาทิตย์ ไปตกกระทบกับแผ่นคริสตัลน้ำแข๊งเล็กๆที่ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศเหล่านั้น ทำให้มีการหักเหของแสงเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบผลึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมแต่ละก้อน แสงนั้นจะหักเหเบี่ยงเบนไปจากเดิม 22องศา ส่งผลให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์ทรงกลดเป็นรูปวงกลม มีลักษณะเป็นแถบสีรุ้ง (Spectrum) คล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตก แล้วสะท้อนออกมา จนทำให้สายตาเราเห็นว่ามี พระอาทิตย์ 4 ดวง กำลังลอยอยู่ในท้องฟ้า ปรากฎการณ์นี้ เป็นสิ่งที่ใช้หลักการทางฟิสิกส์อธิบายได้ แต่องค์ประกอบทุกอย่าง จะต้องเกิดขึ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะอุณหภูมิ ลักษณะของชั้นบรรยากาศในตอนที่เกิด และตำแหน่งทิศทางที่เรายืนมองดวงอาทิตย์ มันเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ และเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าอะไรได้ด้วยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นี่คือเหตุผลที่ผมต้องขับรถออกมาข้างนอกเมืองทันทีที่รู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้น แล้วขับรถหาองศาที่จะสามารถมองเห็นปรากฎการณ์นี้ได้ชัดเจน เพราะถ้าเราอยู่ผิดตำแหน่ง เราก็จะไม่สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเช่นกัน
นิสัยที่เห็นบ่อยๆของ
ผู้ใหญ่ในวงการธุรกิจ หลายๆท่าน
.
ส่วนใหญ่นั้น จะไม่คุยอะไรนานๆ
ไม่คุยนานก็จริง แต่ทุกครั้งที่คุยนั้น
ประเด็นเนื้อหาทุกอย่างยังคงครบถ้วน
.
จะว่าพูดน้อย เอาแต่สาระก็ไม่ใช่
เพราะ มุมพักผ่อนเฮฮา คนระดับนี้ก็จะไม่ชอบที่จะไปยืนคุยอะไรนานๆ อยู่ดี
.
การยืนคุยนานๆ “คุยแบบไหลไปเรื่อย”
นั้นแสดงว่าในหัวนั้น จะคิดแบบไหลไปเรื่อย
จับประเด็นไม่ได้ ไม่มีแม้แต่”ความเงียบ”
ที่เป็น “จุดหยุดพัก”
.
สังเกตได้พวกที่ ในหัวฝึกจัดเรียงเรียบเรียงทุกอย่างไว้อย่างดี เวลาพูดในแต่ละครั้งจะรู้ว่า พูดไปเพื่ออะไร
หรือควรพูด ไม่ควรพูดอะไร
.
และ เมื่ออีกฝ่ายพูด ในหัวจะหยุดคิด
มี “ความเงียบ” เกิดขึ้นเป็น “ที่ว่าง”
ให้สามารถจับประเด็นของอีกฝ่ายได้เร็ว
.
นี้คือความฉลาดทางอารมณ์แบบนึง
ที่ตามปกติจะรู้สึกได้ในตอนโต
เมื่อไรที่คุณสามารถฝึก การจัดเรียงในหัวแล้ว
มันส่งผลได้ดีมากๆ ในเวลาคุณจะคิดเรื่องอะไรแบบจริงจัง
.
อย่าไปมัวนั่งเสียเวลากับการคุยแบบไหลไปเรื่อย
เพราะมันจะส่งผลให้ชีวิตไหลไปเรื่อยเช่นกัน
.
การสื่อสารที่ดี ต้องมีจุดหยุดพัก คือความเงียบ
เมื่อไรที่คุณเบื่อที่จะไปยืนคุยอะไรนานๆ
นั้นแสดงว่าคุณได้เริ่มพัฒนา “ความฉลาดทางอารมณ์
ขึ้นมาอีกระดับ ”
.
รับรู้ทุกเรื่องที่เข้ามา และเรียบเรียงได้
และช่วยกันการรับรู้เรื่องคนอื่น และโฟกัสแต่เรื่องสำคัญได้มากขึ้นด้วย
.
ขอบคุณบทความดีๆจากเพจไปให้ถึง100ล้าน
3,564 เยน สั่งได้ทุกอย่างในเมนู
รีวิวร้านเนื้อวากิวสุดคุ้ม all you can eat ที่ ราคา 3,564 yen ราคาเด็ก 1,782 (เด็กประถม) 540 สำหรับเด็กอนุบาล ต่ำกว่า 3 ขวบทานฟรี (แม่จ้าววว) กำหนดเวลาทาน 2 ชั่วโมง สั่งได้จนถึง 100 นาที
ร้านนี้ใช้เนื้อวัวดำจากมิยาซากิ ที่เลี้ยงด้วยเทคนิคที่แตกต่าง อยากรู้ว่าต่างยังไงต้องไปชิม คนเขียนทานไปเยอะมาก แต่ไม่มีอาการอาหารไม่ย่อย หรือท้องผูกใดๆเลย คอนเฟิร์มว่านุ่มจริง
ตัวอย่างเมนู คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย
ในส่วนของเตา เป็นเตาถ่าน แต่ถ่านเขาดีจริง ไม่มีควัน และไฟแรงสม่ำเสมอพอดี ไฟนิ่งมาก
ปล.ร้านนนี้มีหลายสาขาในเกียวโต เสริชหาในอากู๋ตามชื่อนี้ Chifaja ได้เลย
ส่วนตัวว่า #คุ้มจริงๆ Chifaja Yakiniku #kyoto #japan
You must be logged in to post a comment.